เมล็ดฝรั่ง ทานเข้าไปอาจทำให้ไส้ติ่งอักเสบ จริงหรือ?

เชื่อว่า ตอนเด็ก ๆ หลายคนคงเคยได้ยินมาว่า การกิน เมล็ดฝรั่ง แล้วจะทำให้เป็นไส้ติ่งอักเสบ พอเผลอกลืนเมล็ดฝรั่งทีไรก็จะรู้สึกไม่สบายใจกลัวว่าจะปวดท้องแล้วเป็นไส้ติ่งอักเสบ ถ้าอย่างนั้นเรามาดูกันดีกว่าว่าความเชื่อนี้ จริงหรือหลอกกันแน่?

จริงหรือหลอก?

“ไม่จริง” ครับ เมล็ดฝรั่งไม่ได้ทำให้เป็นไส้ติ่งอักเสบ เพราะสิ่งที่เราทานเข้าไปไม่ได้เข้าไปในไส้ติ่ง และที่ไส้ติ่งอักเสบสาเหตุส่วนใหญ่เกิดจากการที่ไส้ติ่งอุดตัน

แต่การทานหรือเผลอกลืนเมล็ดผลไม้ที่มีขนาดใหญ่ อาจจะไปติดอยู่ที่ลำไส้เล็กส่วนที่แคบที่สุด แล้วก่อให้เิกดลำไส้อุดตันได้

เพราะฉะนั้น หากเผลอทานเมล็ดฝรั่งเล็ก ๆ หรือเคี้ยวให้ละเอียดไม่ได้เป็นก้อนใหญ่ ๆ ก็ไม่ต้องกังวลใจว่า จะเกิดไส้ติ่งอุดตันหรืออักเสบ แต่ควรระวังการทานผลไม้ที่มีเมล็ดใหญ่ ๆ เช่น เมล็ดกระท้อน เพราะอาจทำให้ลำไส้อุดตันได้tna.mcot.net/tna-153205

ข้อมูลจาก https://bit.ly/3AEgBRL | https://bit.ly/42dBcbr

ทำความรู้จักกับไส้ติ่งอักเสบ


ไส้ติ่งอักเสบ เกิดจากการอุดตันของไส้ติ่งจากต่อมน้ำเหลือง หรือสิ่งที่ตกตะกอนในไส้ติ่งและสะสมคล้ายนิ่ว มีอาการบวม อักเสบ
โดยอาจจะอุดตันจากเศษอุจจาระขนาดเล็ก สิ่งแปลกปลอม พยาธิ ที่เคลื่อนที่ลงไปอุดตัน ทำให้ไม่มีการระบายถ่ายเท แบคทีเรียสะสม มีเลือดคั่ง และกระจายไปที่ผนังไส้ติ่งจนเกิดการอักเสบกลายเป็นโรคไส้ติ่งอักเสบ รวมถึงอาจมีการติดเชื้อไวรัส หรือการอักเสบของทางเดินอาหาร ซึ่งถ้าหากไส้ติ่งแตกทะลุ จะทำให้เกิดการติดเชื้อในช่องท้องแล้วติดเชื้อในกระแสเลือด จนอาจถึงแก่ชีวิตได้

โรคไส้ติ่งอักเสบสามารถเกิดขึ้นได้กับทุกคน ทุกเพศ ทุกวัย และยังไม่มีวิธีการป้องกัน โดยการรักษาจะเป็นการผ่าตัด ซึ่งจะทำให้หายขาดจากโรคไส้ติ่งอักเสบ เพราะหากไม่ตัดออกและรักษาด้วยยา จะมีโอกาสเกิดไส้ติ่งอักเสบภายหลัง ซึ่ง
การตัดไส้ติ่งที่อักเสบทิ้งจะไม่ก่อให้เกิดผลเสียต่อสุขภาพ สัญญาณของอาการไส้ติ่งอักเสบ

– ปวดรอบ ๆ สะดือ โดยอาการปวดท้องแบบนี้ส่วนใหญ่จะเป็นสัญญาณเตือนระยะเริ่มแรกของอาการที่ไส้ติ่งเริ่มอุดตัน ผู้ป่วยจะมีอาการปวดบริเวณรอบ ๆ สะดือแบบเฉียบพลัน จุกแน่นท้อง เบื่ออาหาร และปวดแบบบีบ ๆ คลาย ๆ เหมือนท้องเสียแต่ยังถ่ายไม่สุด
– ปวดเสียดท้องข้างขวา อาการปวดท้องจะเลื่อนลงมาด้านล่างขวา ผู้ป่วยมีอาการปวดท้องแถว ๆ ชายโครงด้านขวา และจะปวดมากขึ้นเรื่อย ๆ ถ้าหากเคลื่อนไหว เช่น เดิน ไอ จาม ในบางคนอาจมีอาการท้องเสียด้วย
– มีไข้ หนาวสั่น นอกจากอาการปวดท้องแล้ว จะมีอาการอย่างอื่นร่วม เช่น มีไข้ เพราะร่างกายเกิดการติดเชื้อ หรือในบางคนอาจมีอาการคลื่นไส้ด้วย

ซึ่งถ้าหากมีอาการแบบนี้ ติดต่อกันเกิน 6 ชั่วโมงแล้วไม่หาย ก็ควรรีบไปหาคุณหมอ เพื่อวินิจฉัยและรักษา เพราะโรคไส้ติ่งอักเสบอาจทำให้เสียชีวิตได้

ข้อมูลจาก https://bit.ly/3AEgBRL | https://bit.ly/426fk1u | https://www.bangkokhospital.com/…/appendicitis-treatment